รีวิวลำโพงบลูทูธรุ่นล่าสุดกับ Marshall Woburn II & Stanmore II พลังเสียงหนักแน่น โดนใจทุกคอเพลง…

เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วกับลำโพงบลูทูธในตำนานภายใต้แบรนด์ Marshall แบรนด์ที่มีประสบการณ์ด้านลำโพงมากว่า 50 ปี ด้วยเสียงที่โดดเด่นอย่างเสียงเบส และเสียงกีต้าร์ วันนี้ทางเราก็ได้เลือกหยิบขึ้นมารีวิว 2 รุ่นได้แก่ Marshall รุ่น Woburn II และ Marshall รุ่น Stanmore II ที่มาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิค สวยงาม พรีเมี่ยม ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นที่เปิดตัวนี้ เป็นรุ่นที่อัพเกรดขึ้นมาจากรุ่นเดิม เพื่อให้เพื่อนๆได้สัมผัสกับเสียงที่ทรงพลังมากขึ้น คุณภาพเสียงที่ชัดเจน รายละเอียดของเสียงที่ดีกว่าเดิม พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันมากขึ้น รวมไปถึงเรื่องของวัสดุในการผลิต และความสวยงามของลำโพง นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนวัสดุแผงหน้าจากผ้าเป็นไวนิลเพิ่มความคงทนในการใช้งาน และก็ยังเปลี่ยนโลโก้ให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้นในส่วนของตัวแผงควบคุมมีการปรับเปลี่ยนเป็นไฟให้เป็นแบบ LED เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และปุ่มเปิด-ปิด ก็ยังมีความเท่ห์ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

ลำโพง Marshall Woburn II


ลำโพงบลูทูธขนาดกลางเหมาะสำหรับตั้งโต๊ะ ดีไซน์เป็นทรงสี่เหลี่ยมทำมาจากไม้ ห่อหุ้มตัวลำโพงด้วยหนัง PVC คุณภาพดี ด้านหน้าเป็นผ้าไวนิลสีเทาคุมโทน ใช้งานได้ทนทาน มีโลโก้ Marshall สีทองอยู่ตรงกลางที่มีความพรีเมี่ยมโดดเด่น ส่วนตรงกลางด้านล่างมีแถบโลหะสีทอง มีข้อความสลักไว้ว่า EST. 1962 บ่งบอกถึงความขลังของลำโพง Marshall ตัวนี้ที่ผลิตมายาวนานมากกว่า 50 ปี นำไปวางไว้ตรงไหนของมุมบ้านก็รับรองได้ว่าสวยงาม เลอค่าแน่นอน ซึ่งมาพร้อมดอกลำโพงถึง 4 ดอก ประกอบไปด้วยซับวูฟเฟอร์ 2 ตัว ที่ให้เสียงกลาง และทวีตเตอร์ที่ให้เสียงแหลมอีก 2 ตัว ทำให้ได้เสียงเบสที่ดียิ่งขึ้น มากับย่านความถี่ 30 – 20,000 Hz ยิ่งทำให้สามารถให้เสียงต่ำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นแรก พลังเสียงที่ดังฟังชัด ไม่ว่าจะเพลงแนว Rock, EDM หรือจะแนว Pop ก็ตอบโจทย์หมดทุกแนว

คุณสมบัติเด่นๆ ของ ลำโพงบลูทูธ Marshall Woburn II

  • เป็นลำโพงบลูทูธขนาดกลาง เหมาะกับพื้นที่100 ตรว.
  • สามารถเป็นแอมป์กีต้าร์ได้(แนะนำเป็นกีต้าร์โปร่ง) ควบคุมผ่านแอพลิเคชั่น
  • มาพร้อม 4 ดอก : Woofer 2, Tweeter 2
  • กำลังขับ 130 วัตต์
  • มาพร้อม Bluetooth 5.0 Aptx
  • สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งหมด 3 ช่องทาง ได้แก่ Aux, RCA, Bluetooth
  • เสียงเป็นแบบ SteroSound
  • แผงหน้าเปลี่ยนวัสดุที่ใช้เป็นไวนิลเพิ่มความทนทาน
  • แผงควบคุมเพิ่ม LED และเปลี่ยนปุ่มเปิด-ปิด
  • ราคา 26,990 บาท

อุปกรณ์ในกล่อง

  • ลำโพงบลูทูธ Marshall Woburn ll
  • ปลั๊กสำหรับเสียบไฟ
  • คู่มือการใฃ้งาน

ปุ่มการใช้งาน

มาถึงปุ่มการใช้งานต่างๆ กันบ้างถูกออกแบบมาให้อยู่ด้านบนเครื่องเพื่อการใช้งานได้สะดวก เริ่มด้วยช่องเชื่อมต่อ AUX เป็นช่องที่เอาไว้เชื่อมต่อกับอุกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ อาทิ Audio / MP3 / Computer / Amp / Mobile Phone / หรืออุปกรณ์เครื่องเสียงอื่นๆ ที่รองรับ แล้วก็ปุ่ม Source ที่สามารถเลือกการเชื่อมต่อได้หลากหลายแบบ ถัดมาอีกก็เป็นปุ่ม เพิ่ม – ลดเสียง, แล้วก็ปุ่ม Bass (เสียงเบส) และ Treble (เสียงสูง) ปุ่มก็จะเป็นแบบหมุนๆ โดยจะมีไฟบ่งบอกอยู่ด้วยเราหมุนไปเยอะแค่ไหนแล้ว ถัดมาอีกก็จะเป็นปุ่มกดเล่น – หยุด เพลง สุดท้ายก็ก้านโยกๆเพื่อ เปิด-ปิด เครื่อง

หลังเครื่อง

ด้านหลังตัวเครื่องก็จะเจอกับชื่อแบรนด์ Marshall โดดเด่นอยู่ตรงกลาง นอกจากจะเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 แล้วก็ยังมีช่องเสียบสาย RCA แบบแดงขาว เป็นสายสัญญาณเสียงขวาและซ้าย แบบอนาล็อก มาตรฐานทั่วไป สีขาวจะใช้แทนสัญญาณข้างซ้าย ( L ) สีแดงจะใช้แทนสัญญาณข้างขวา ( R ) แล้วก็ช่องเสียบไฟเข้าเครื่อง

ลำโพง Marshall Stanmore II

สำหรับรุ่นนี้ก็เป็นลำโพงขนาดกลางเหมาะสำหรับตั้งโต๊ะเช่นเดียวกัน แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่ารุ่น Woburn II หน่อย น้ำหนักก็เบากว่าด้วย มีลักษณะยาวๆเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดีไซน์สุดคลาสสิคมาพร้อมชื่อรุ่น Stanmore ซึ่งเป็นชื่อเมืองในประเทศอังกฤษซะด้วย ตัวลำโพงทำมาจากไม้แล้วก็ห่อหุ้มด้วยหนัง PVC คุณภาพดี ดูทนทาน มีโลโก้ Marshall สีทองอยู่ตรงกลางโดดเด่น ด้านหน้าลำโพงนั้นก็จะเป็นแบบตะแกรงทำจากผ้าบุชั้นดี ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของลำโพง Marshall เลยก็ว่าได้ พร้อมปุ่มควบคุมด้านบนก็เป็นสีทอง แถมตรงแถบด้านล่างก็เป็นวัสดุทำจากอลูมิเนียมชุบทองสีทองที่มีข้อความสลักไว้ว่า EST. 1962 บ่งบอกว่าลำโพง Marshall ตัวนี้ที่ผลิตมายาวนานมากกว่า 50 ปี มาพร้อมลำโพงถึง 3 ดอก ประกอบไปด้วยซับวูฟเฟอร์ 1 ตัว ที่ให้เสียงกลาง และทวีตเตอร์ที่ให้เสียงแหลมอีก 2 ตัว และสามารถปรับแต่งเสียงได้เองตามใจชอบ ไม่ว่าจะแนวไหนก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลายอีกด้วย

คุณสมบัติเด่นๆของ ลำโพงบลูทูธ Marshall Stanmore II

  • เป็นลำโพงบลูทูธขนาดกลาง เหมาะกับพื้นที่ 50 ตรว.
  • สามารถเป็นแอมป์กีต้าร์ได้(แนะนำเป็นกีต้าร์โปร่ง) ควบคุมผ่านแอพลิเคชั่น
  • มาพร้อม 3 ดอก : Woofer 1, Tweeter 2
  • กำลังขับ 80 วัตต์
  • มาพร้อม Bluetooth 5.0 Aptx
  • สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งหมด 3 ช่องทาง ได้แก่ Aux, RCA, Bluetooth
  • เสียงเป็นแบบ SteroSound
  • แผงหน้าเปลี่ยนวัสดุที่ใช้เป็นไวนิลเพิ่มความทนทาน
  • แผงควบคุมเพิ่มLED และเปลี่ยนปุ่มเปิด-ปิด
  • ราคา 17,990 บาท

อุปกรณ์ในกล่อง

  • ลำโพงบลูทูธ Marshall Stanmore II
  • ปลั๊กสำหรับเสียบไฟ
  • คู่มือการใฃ้งาน

ปุ่มการใช้งาน

ปุ่มควบคุมการทำงานต่างๆของตัวเครื่องอยู่บนแผงสีทองสุดพรีเมี่ยม ปุ่มการใช้งานต่างๆก็จะคล้ายๆกับรุ่น Woburn II เลย เริ่มแรก็จะมีช่องเชื่อมต่อ AUX เป็นช่องที่เอาไว้เชื่อมต่อกับอุกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ อาทิ Audio / MP3 / Computer / Amp / Mobile Phone / หรืออุปกรณ์เครื่องเสียงอื่นๆที่รองรับ แล้วก็ปุ่ม Source ที่สามารถเลือกการเชื่อมต่อได้หลากหลายแบบ ถัดมาอีกก็เป็นปุ่ม เพิ่ม – ลดเสียง, แล้วก็ปุ่ม Bass (เสียงเบส) และ Treble (เสียงสูง) ปุ่มก็จะเป็นแบบหมุนๆโดยจะมีไฟบ่งบอกอยู่ด้วยเราหมุนไปเยอะแค่ไหนแล้ว ถัดมาอีกก็จะเป็นปุ่มกดเล่น – หยุด เพลง แล้วก็ก้านโยกๆเพื่อ เปิด-ปิด เครื่อง

หลังเครื่อง

หลังเครื่องก็จะมีรายละเอียดเงื่อนไขการใช้งาน  มีชื่อแบรนด์ Marshall แล้วก็มีช่องเสียบสาย RCA แบบแดงขาว เป็นสายสัญญาณเสียงขวาและซ้าย แบบอนาล็อก มาตรฐานทั่วไป สีขาวจะใช้แทนสัญญาณข้างซ้าย ( L ) สีแดงจะใช้แทนสัญญาณข้างขวา ( R ) แล้วก็มีช่องที่สำหรับเสียบปลั๊กไฟเพื่อใช้ในการเปิดเครื่อง

สรุป

Marshall Woburn II

Marshall Stanmore II

ถ้าจะพูดถึงลำโพงบลูทูธ 2 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ได้แก่ Marshall รุ่น  Woburn II และ รุ่น Stanmore II ก็ถือว่าเป็นลำโพงที่มีขนาดกลางไปค่อนข้างใหญ่ เป็นรุ่นที่พัฒนามาจากรุ่นแรก ซึ่งให้พลังเสียงที่ทรงพลังกว่าเดิม ให้เสียงที่กว้างไกลไปทั่วทุกมุมห้อง สามารถนำไปใช้กับงานปาร์ตี้ก็ดี หรือจะเอาไว้ฟังแบบชิลๆ ก็ได้ และยังรองรับการเชื่อมต่อต่างๆ ได้หลากหลาย อาทิ ทาง Aux, RCA, Bluetooth 5.0 ทั้งยังสามารถปรับระดับเสียงเบส, เสียงสูงได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน รับรองว่าตอบโจทย์ทุกแนว ไม่ว่าจะเป็น ดนตรีแนว Classic, Rock, Pop ใสๆ, Pop Rock หรือจะ Hard Rock ก็สามารถตอบสนองได้เป็นอยางดี ส่วนดีไซน์ของทั้ง 2 รุ่นนั้นก็ ถือได้ว่าคลาสสิคสุดๆ ทรงสี่เหลี่ยมทำจากไม้หุ้มด้วยหนังอย่างดี แทรกด้วยโลโก้ข้างหน้าสีทองพรีเมี่ยม เอาไปวางตรงไหนของบ้านก็ดุจเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เอาไว้ประดับตกแต่งบ้านกันเลยทีเดียว

Tagged under: