Apple เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini ใหม่ในสีม่วงสวยสะดุดตา

By Whats New

ตัวเครื่องสีใหม่จะช่วยเติมเต็มดีไซน์แบบขอบแบนที่สวยงามของ iPhone 12 ซึ่งมาพร้อมระบบกล้องคู่อันล้ำหน้า จอภาพ Super Retina XDR, ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceremic Shield, A14 Bionic และระบบ 5G


Apple เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini ใหม่ในสีม่วงสวยสะดุดตา ตัวเครื่องสีใหม่นี้ช่วยขับเน้นขอบอะลูมิเนียมแบบแบนของ iPhone 12 ให้โดดเด่น ซึ่งเข้ากับสีกระจกด้านหลังที่ได้รับการตัดแต่งอย่างแม่นยำได้ลงตัว ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระบบกล้องคู่ที่มอบคุณสมบัติการถ่ายภาพเชิงคำนวณอันทรงพลังและคุณภาพวิดีโอที่สูงที่สุดในสมาร์ทโฟน จอภาพ Super Retina XDR ที่กว้างแบบขอบจรดขอบพร้อมด้วย OLED ที่จะมอบประสบการณ์การรับชมที่เต็มอิ่มเต็มตายิ่งขึ้น ส่วนด้านหน้าแบบ Ceramic Shield มอบความทนทานที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดแก่ iPhone แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน A14 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple เป็นชิปที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟนซึ่งมอบพลังให้กับทุกการใช้งานบน iPhone 12 พร้อมกับจัดการให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ iPhone 12 ยังมอบประสบการณ์ใช้งาน 5G ที่ดีที่สุด อีกทั้งยังแนะนำการชาร์จไร้สายแบบใหม่อันทรงพลังด้วย MagSafe และระบบนิเวศของอุปกรณ์เสริมที่ติดกับ iPhone ได้อย่างง่ายดาย
iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีม่วงจะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 23 เมษายนและจะเริ่มวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 30 เมษายน ลูกค้าสามารถทำให้ iPhone ดูสวยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยเคสหนัง MagSafe ใหม่หรือซองหนังสีม่วงเข้ม เคสซิลิโคนสีคาปรีบลู เขียวพิสตาชิโอ แคนตาลูป หรือม่วงอเมทิสต์ หรือเคสหนังแบบกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลแดงแอริโซนา โดยทั้งหมดมีให้สั่งซื้อแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“iPhone 12 คือสมาร์ทโฟนอันน่าทึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 12 ส่งผลให้ลูกค้ามีอัตราความพึงพอใจสูงกว่า 99% ตัวเครื่องสีม่วงแบบใหม่ที่ออกมาทันช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดีจะมาเป็นตัวเลือกอันแสนสนุกและสดใสสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งเราคิดว่าลูกค้าต้องชอบอย่างแน่นอน” Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว “เครื่องสีใหม่สวยงามนี้จะมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 12 และ iPhone 12 mini ซึ่งมีให้เลือกอยู่แล้วถึง 5 สี อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบกล้องคู่อันล้ำสมัย, จอภาพ Super Retina XDR, ความทนทานที่เพิ่มขึ้น, A14 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน ระยะการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และประสบการณ์ใช้งาน 5G ที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนไหนๆ”

ดีไซน์ที่คงทนและจอภาพแบบเต็มอิ่มสมจริง

ดีไซน์ที่ยกระดับใหม่ของ iPhone 12 และ iPhone 12 mini ในขนาด 6.1 นิ้วและ 5.4 นิ้ว มีทั้งความสวยงามและความคงทน1 ในขณะที่ iPhone 12 mini เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่เล็กที่สุดในโลก อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีของ iPhone 12 ในดีไซน์ขนาดกะทัดรัด โดยยังคงถ่ายทอดประสบการณ์แบบเต็มอิ่มสมจริงผ่านจอภาพสวยงามที่มีขนาดใหญ่แบบขอบจรดขอบได้ ทั้งสองรุ่นมาในดีไซน์แบบขอบแบนที่ดูเรียบหรู พร้อมตัวเครื่องซึ่งทำมาจากอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ อีกทั้งยังมีด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ที่เหนือชั้นกว่ากระจกทั่วไป เพราะมีการผสมผลึกนาโนเซรามิกลงในแมทริกซ์ของกระจกโดยใช้ขั้นตอนการตกผลึกที่อุณหภูมิสูง ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า

iPhone 12 และ iPhone 12 mini มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR แบบหน้าจอทั้งหมด ซึ่งขยายออกไปจนสุดขอบ พร้อมด้วยระบบจัดการสีสันแบบทั้งระบบเพื่อความแม่นยำของสีระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม OLED แบบใหม่มอบความสว่างและความแม่นยำที่ลงลึกถึงระดับพิกเซล ด้วยอัตราส่วน 2,000,000:1 เพื่อแสดงสีดำที่ดำสนิทและประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์แบบ HDR แบบเต็มอิ่มสมจริงเมื่อรับชมวิดีโอความละเอียดสูง ทั้งยังแสดงรายละเอียดบนภาพถ่ายได้ครบถ้วนยิ่งกว่าเดิม และมีความสว่างสูงกว่าความสว่างสูงสุดของ iPhone 11 เกือบ 2 เท่า
iPhone 12 และ iPhone 12 mini มีการป้องกันอยู่ในชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่ระดับ IP68 จึงสามารถทนน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที และยังรับมือกับน้ำที่หกใส่ในชีวิตประจำวันอย่างกาแฟและน้ำอัดลมได้ด้วย

ระบบกล้องคู่สุดล้ำ

iPhone 12 และ iPhone 12 mini มาพร้อมคุณสมบัติอันทรงพลังในการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งขับเคลื่อนโดยชิป A14 Bionic และระบบกล้องคู่ นั่นหมายความว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้กล้องที่เหนือชั้นในการถ่ายภาพหรือวิดีโอที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ โดยระบบกล้องสุดล้ำนี้ประกอบไปด้วยกล้องอัลตร้าไวด์และกล้องไวด์ใหม่ที่มีรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 ซึ่งรวดเร็วที่สุดใน iPhone และรับแสงได้มากขึ้น 27% จึงถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์บน iPhone 12 ยังเหนือชั้นขึ้นอีก เพราะโหมดกลางคืนและ Deep Fusion ซึ่งทำงานได้เร็วขึ้นมาอยู่บนกล้องทุกตัวแล้ว ทั้งบนกล้อง TrueDepth, ไวด์ และอัลตร้าไวด์ นั่นหมายความว่าภาพถ่ายของคุณจะสวยงามขึ้นไม่ว่าจะถ่ายในสภาวะแสงแบบไหน คุณจะได้สัมผัสกับภาพถ่ายที่สว่างยิ่งขึ้นและคอนทราสต์ที่ดีขึ้น เมื่อใช้โหมดกลางคืนกับการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย และยังเก็บรายละเอียดได้มากขึ้นพร้อมนอยซ์ที่ลดลงด้วย Deep Fusion ส่วน HDR อัจฉริยะ 3 จะใช้การเรียนรู้ของระบบ (ML) ในการปรับไวท์บาลานซ์ คอนทราสต์ รายละเอียด และความอิ่มสีของภาพถ่ายอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ภาพถ่ายของคุณดูสวยงามสมจริงมากที่สุด

iPhone 12 มาพร้อมกล้องตัวแรกที่สามารถถ่ายวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision และยังเป็นอุปกรณ์แรกและอุปกรณ์เดียวในโลกที่สามารถมอบประสบการณ์แบบ Dolby Vision ให้คุณตั้งแต่ต้นจนจบ4 โดยการให้คุณถ่าย ตัดต่อ และแชร์วิดีโอระดับโรงภาพยนตร์บน iPhone ได้เลยแบบง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีการปรับโทนสีแบบ Dolby Vision แบบสดๆ อย่างต่อเนื่องขณะตัดต่อ ไม่ว่าจะเป็นในแอปรูปภาพ iMovie หรือ Final Cut Pro 5 และการดูวิดีโอบน iPhone 12 นั้นยังสมจริงกว่าที่เคยด้วยจอภาพ Super Retina XDR ระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม ทั้งสองรุ่นยังมีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ วิดีโอเซลฟี่ที่สมจริงยิ่งกว่าเดิมด้วย Dolby Vision แล้วยังมีไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืนที่เปิดรับแสงได้นานขึ้น จึงถ่ายวิดีโอได้คมชัดยิ่งขึ้น สร้างเส้นแสงได้สวยขึ้น และถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้เนียนขึ้นด้วยเมื่อใช้ขาตั้ง

 

A14 Bionic: ผู้นำด้านนวัตกรรมและประสิทธิภาพที่ยากจะหาใครเทียบ

 

A14 Bionic เป็นชิปแรกในวงการสมาร์ทโฟนที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร นอกจากนี้ A14 Bionic ยังมาพร้อม CPU และ GPU ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน จึงสามารถมอบประสบการณ์การเล่นเกมในระดับคอนโซล ประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ได้อย่างทรงพลัง และอีกมากมาย โดยที่แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ยาวนาน และ A14 Bionic ยังมี Neural Engine แบบ 16-core ที่จะยกระดับ ML ให้เหนือชั้นขึ้นไปอีก ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น 80% และสามารถประมวลผลได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้แม้แต่โมเดล ML ที่สลับซับซ้อน

ประสบการณ์ 5G สุดล้ำบน iPhone

iPhone 12 และ iPhone 12 mini มอบประสบการณ์ 5G อันล้ำสมัยที่ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการผสานการทำงานของฮาร์ดแวร์ระดับโลกเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับซอฟต์แวร์ระดับโลก 5G บน iPhone มีตั้งแต่ความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลดที่สูงขึ้น การสตรีมวิดีโอที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น การเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น การโต้ตอบภายในแอปที่รวดเร็วทันใจ จนถึง FaceTime ความละเอียดสูงและอีกมากมาย นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยจนไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับฮอตสปอต Wi-Fi สาธารณะบ่อยๆ อีกต่อไป

iPhone 12 รองรับย่านความถี่ 5G มากที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน จึงสามารถใช้งาน 5G ได้ครอบคลุมทั่วโลกมากที่สุด6 โดยรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้นรองรับความยาวคลื่นระดับมิลลิเมตร ซึ่งเป็น 5G ในความถี่ที่สูงกว่า ทำให้ iPhone 12 สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 4Gbps แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น นอกจากนี้ iPhone 12 ยังมาพร้อมโหมด Smart Data ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อย่างชาญฉลาดโดยการประเมินความจำเป็นในการเชื่อมต่อ 5G และปรับการใช้งานข้อมูล ความเร็ว และพลังงานให้สมดุลในแบบเรียลไทม์


มาพร้อม iOS 14.5

iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีม่วงจัดส่งพร้อมกับ iOS 14.5 ในตัว ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นคือสามารถปลดล็อค iPhone ด้วย Apple Watch ขณะกำลังสวมหน้ากากได้ อีกทั้งยังมีแอป Apple Podcasts ที่มาพร้อมกับรายการรูปโฉมใหม่และหน้าของตอนต่างๆ แท็บค้นหา รวมถึงอิโมจิใหม่ นอกจากนี้ Siri จะไม่ได้มีแต่เสียงพูดที่มาแต่เริ่มต้นอีกต่อไป เพราะจะมีเสียงพูดให้เลือกหลากหลายยิ่งขึ้นในภาษาอังกฤษ การอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดนี้พัฒนาต่อยอดจาก iOS 14 ที่ได้เปลี่ยนแปลงโฮมสกรีนครั้งใหญ่ด้วยวิตเจ็ตและคลังแอปที่ออกแบบมาใหม่อย่างสวยงาม วิธีการใช้แอปในรูปแบบใหม่ด้วยแอปคลิป และการอัปเดตแอปข้อความให้ทรงพลังยิ่งขึ้น

MagSafe กับอุปกรณ์เสริมใหม่สุดล้ำ

MagSafe ยกระดับประสบการณ์ในการชาร์จแบบไร้สายให้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมาพร้อมระบบนิเวศของอุปกรณ์เสริมแบบยึดติดง่ายที่เข้าคู่กับ iPhone 128 MagSafe มอบประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมือนใครสำหรับ iPhone โดยมีชุดแม่เหล็กรอบขดลวดสำหรับการชาร์จแบบไร้สายที่ออกแบบมาอย่างลงตัวเพื่อให้ประกบได้พอดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับ iPhone อย่างสมบูรณ์แบบทุกครั้ง และที่ชาร์จ MagSafe ยังสามารถจ่ายไฟได้สูงสุดถึง 15 วัตต์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ยังคงใช้งานกับอุปกรณ์เดิมที่รองรับ Qi ได้ โดยโซลูชั่นสำหรับการชาร์จนั้นมีทั้งที่ชาร์จ MagSafe และที่ชาร์จ MagSafe แบบคู่สำหรับใช้กับ iPhone และ Apple Watch รวมไปถึงเคสใหม่ทั้งแบบซิลิโคน แบบหนัง และแบบใส ซึ่งติดเข้ากับด้านหลังของ iPhone ได้อย่างง่ายดาย พร้อมด้วยซองหนังและเคสหนังแบบกระเป๋าสตางค์ นอกจากนี้ลูกค้ายังจะได้พบกับอุปกรณ์เสริม MagSafe ล้ำๆ อีกมากมายจากผู้ผลิตบริษัทอื่น


ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ตั้งแต่การรวบรวมวัสดุ การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า การชาร์จ จนถึงการรีไซเคิลและการคัดแยกวัสดุ

iPhone 12 นั้นใช้แร่โลหะหายากที่มาจากการรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น ซึ่งรวมถึงกล้องใหม่, Taptic Engine และ MagSafe รวมถึงอุปกรณ์เสริม MagSafe ของ Apple ด้วย นอกจากนี้ Apple ยังนำอะแดปเตอร์แปลงไฟและ EarPods ออกจากบรรจุภัณฑ์ของ iPhone ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการทำเหมืองแร่และการใช้วัสดุมีค่า จึงทำให้บรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็กและเบาลง และสามารถเพิ่มจำนวนกล่องที่จัดส่งต่อหนึ่งพาเลทได้มากขึ้นถึง 70% ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะช่วยลดก๊าซคาร์บอนต่อปีได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 450,000 คันต่อปี
เตรียมเป็นเจ้าของก่อนใครกับ iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีใหม่ สีม่วง ที่ Studio7 ทุกสาขา เเละช่องทางออนไลน์ ได้ในวันที่ 23 เม.ย. 64 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป

Cr. Apple Newsroom

ช้อปสินค้า Apple ออนไลน์

Tagged under: