7 เหตุผลที่ต้องซื้อ iPhone 12
เพื่อนๆคนไหนที่กำลังตัดสินใจซื้อ iPhone 12 แต่ยังหาเหตุผลจูงใจที่จะซื้ออยู่ใช่ม่ะ มาๆเด๋วแอดจะสรุปให้ฟังว่าเหตุผลที่เพื่อนๆควรซื้อ iPhone 12 นั้นมีอะไรบ้าง
1. รองรับ 5G
ยุคสมัยนี้มือถือรุ่นไหนๆเปิดตัวมาก็ต้องรองรับเทคโนโลยี 5G กันได้เกือบหมดแล้ว iPhone 12 ก็ตามเทรนนะจ๊ะ ถือว่าเป็นไอโฟน Series แรกที่รองรับเครือข่าย 5G ได้ แถมยังรองรับได้ครบทั้ง 4 รุ่นเลยด้วย ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 12, iPhone 12 Max, iPhone 12 Pro, และ iPhone 12 Pro Max นอกจากนั้นก็ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Smart Data Mode ซึ่งจะช่วยสลับการใช้งานเครือข่าย 4G/5G ให้อัตโนมัติเพื่อประหยัดแบตเตอรี่อีกด้วย
2. มาพร้อมชิพที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน
iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ใช้ชิปประมวลผล Apple A14 Bionic แบบ 6-Core ซึ่งเป็นชิพที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน และยังเป็นชิพตัวแรกที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิต 5 นาโนเมตร จึงเล่นเกมได้ดีขึ้น มีคุณภาพของภาพดีขึ้น ทำงานทั่วไปในแต่ละวันด้วยประสิทธิภาพโดยรวมที่เร็วขึ้น Neural Engine แบบ 16-core มีประสิทธิภาพดีขึ้น 80%
3. สีใหม่ไฉไลกว่าเดิม
iPhone 12 และ iPhone 12 Mini มีให้เลือกด้วยกัน 5 สี คือ ดำ ขาว แดง เขียว และ น้ำเงินส่วน
iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max จะมีให้เลือก 4 สี คือ น้ำเงิน Pacific Blue (มาแทนสีเขียว) ทอง ดำ และขาว ทั้งนี้ทั้งนั้น iPhone 12 ซีรีส์ ก็ยังใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% มาเป็นส่วนประกอบในการผลิตและเพื่อให้ร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
4. ดีไซน์ใหม่
iPhone 12 มาพร้อมดีไซน์ใหม่แบบขอบแบน พร้อมสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม และกระจกด้านหลังที่มีการตัดแต่งรูปทรงอย่างแม่นยำ และยังมีให้เลือกถึง 4 สีใหม่อีกด้วย ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield มีความแข็งแกร่งกว่ากระจกบนสมาร์ทโฟนไหนๆ และยังทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า ดีไซน์ใหม่เพิ่มความทนทานของกระจกด้านหลัง จึงสามารถทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 2 เท่า ทนน้ำระดับชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่ IP68 ได้ลึกถึง 6 เมตร ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที นอกจากนั้นก็ยังทนต่อน้ำหกใส่รวมถึงของเหลวทั่วไปอย่าง กาแฟ ชา และโซดา อีกด้วย
5. กล้องหลังระดับโปร
iPhone 12 และ iPhone 12 mini มาพร้อมกล้องคู่ใหม่ ระบบกล้องไวด์ใหม่มีรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 ชิ้นเลนส์ 7 ชิ้น เพื่อภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น เพื่อการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยดีขึ้น 27% โหมดกลางคืนมีอัลกอริทึมในการรวมภาพที่ดียิ่งขึ้น ส่วนกล้องไวด์ใหม่สามารถรับแสงได้มากขึ้น กล้องตัวแรกและตัวเดียวที่สามารถบันทึกและตัดต่อวิดีโอ HDR ระดับ 4K ในแบบ Dolby Vision แบบเดียวกับโรงภาพยนตร์ สูงสุด 30 fps สามารถเปิดรับแสงได้นานขึ้น พร้อมคอนทราสต์ที่เนียนตายิ่งขึ้น ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอลสามารถปรับแก้ตำแหน่งได้มากขึ้นถึง 5 เท่า เพื่อให้วิดีโอมีความนิ่งยิ่งขึ้น
iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ประกอบด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ ไวด์ และเทเลโฟโต้ ระบบกล้องไวด์ใหม่ ซึ่งเป็นเลนส์ขนาดใหญ่ที่สุดใน iPhone รวมถึงมีชิ้นเลนส์ 7 ชิ้น เพื่อภาพและวิดีโอที่คมชัดยิ่งขึ้นและมีคุณภาพดียิ่งขึ้น iPhone 12 Pro Max มีเซ็นเซอร์ใหม่ขนาด 1.7μm พิกเซล ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น 87% เมื่อเทียบกับ iPhone 11 Pro Max และยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล รวมถึงกล้องเทเลโฟโต้ 65 มม. บน iPhone 12 Pro Max สามารถซูมเข้าได้ 2.5 เท่า จากช่วงซูมแบบออปติคอล 5 เท่า กล้องตัวแรกและตัวเดียวที่สามารถบันทึกและตัดต่อวิดีโอ HDR ระดับ 4K ในแบบ Dolby Vision แบบเดียวกับโรงภาพยนตร์ สูงสุด 60 fps Apple ด้วย
6. จอภาพแจ่มกว่าเดิม
iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นใช้หน้าจอ Super Retina XDR โดย iPhone 12 Pro จะมีหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว, iPhone 12 Pro Max หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ซึ่งเป็นรุ่นที่มีมีจอภาพขนาดใหญ่ที่สุด สว่างที่สุด และคมชัดที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone โดนมีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 2,000,000:1 เพื่อสีดำที่ดำสนิท และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต พร้อมรองรับภาพยนตร์ HDR ในแบบ Dolby Vision
ส่วน iPhone 12 มีหน้าจอขนาดอยู่ที่ 6.1 นิ้ว พร้อมจำนวนพิกเซลมากกว่า iPhone 11 สองเท่าที่ 460 พิกเซลต่อนิ้ว เพื่อภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น และ iPhone 12 mini หน้าจอขนาด 5.4 นิ้ว จำนวนพิกเซลมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาที่ 476 พิกเซลต่อนิ้ว
7. อุปกรณ์เสริมใหม่ MagSafe
iPhone 12 ซีรีส์ มาพร้อมเทคโนโลยีการชาร์จไร้สายรูปแบบใหม่ในชื่อ MagSafe ที่นำแม่เหล็กมาช่วยในการชาร์จเครื่องที่ให้กำลังไฟสูงถึง 15W นอกจากนั้นยังรองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Watch ได้ด้วย