สไตลัส ADONIT ระหว่าง DASH 3, SNAP 2 และ MINI 4 ต่างกันอย่างไร?

เพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยสงสัยกันว่า เจ้าสไตลัสนั้นเห็นมีผลิตกันออกมาหลายรุ่นมองผ่านๆ หน้าตามันก็คล้ายๆกัน การใช้งานก็(น่าจะ)คล้ายๆกันนั่นแหละ มันต่างกันตรงไหนหว่า?

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า พอแอดได้ลองมาใช้ขีด ๆ เขียนๆ ดูแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าพอมีโอกาสได้ลองใช้ ก็รู้สึกติดใจในการใช้งานของมันไม่ว่าจะใช้วาด ขีด เขียน สร้างสรรค์ผลงานบนหน้าจอเรียกว่านึกอะไรออก ก็สามารถลงมือเขียนได้เลยไม่จำเป็นต้องหากระดาษปากกา ดินสอ กระดาษให้ยุ่งยาก

และถึงเจ้าสไตลัสนั้นถึงจะมีหน้าตาและการทำงานที่คล้ายๆกันแต่ก็จะมีในบางฟีเจอร์ บางดีไซน์ที่ไม่เหมือนกันนะ เช่นบางรุ่นในส่วนของหัวปากกาก็อาจจะไม่เหมือนกัน ซึ่งก็จะทำให้ผลลัพธ์การใช้งานออกมาต่างกันด้วย บางรุ่นระยะการใช้งานก็ไม่เท่ากัน บางรุ่นเป็นได้มากกว่าปากกาก็มี บางรุ่นก็สามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้งานนี้ก็แล้วแต่ว่าจะตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของใครมากที่สุด วันนี้แอดก็เลยจะมายกตัวอย่างสไตลัสทั้ง 3 รุ่น 3 สไตล์มาให้ดูว่าต่างกันอย่างไร แล้วรุ่นไหนควรจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหน มาเริ่มกันเลย………

ADONIT DASH 3

ADONIT DASH 3

ADONIT DASH 3

สไตลัสที่ดีไซน์มาสำหรับคนที่ถนัดการใช้ปากกาทั่วไปโดยรุ่นนี้จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 8.5 มม.ซึ่งขนาดกำลังดีเลยจับถนัดมือ ด้วยหัวที่ออกแบบมาเป็นแบบ Pixelpoint หัวปากกาเส้นเล็กลากเส้นได้อย่างเป็นธรรมชาติในขนาด 1.9 มม.เขียนได้สะดวกไหลลื่นช่วยให้เพื่อนๆสามารถสร้างภาพสเก็ตช์ที่สวยงาม และภาพลายเส้นอันน่าทึ่งได้ทุกสถานการณ์ พร้อมแบตเตอรี่ในตัวที่สามารถใช้งานได้นานถึง 14 ชั่วโมงต่อเนื่อง แค่ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 45 นาทีเท่านั้น นอกจากนั้นเวลาใช้งานก็จะมีปุ่ม เปิด-ปิด ให้กดอยู่บริเวณด้านบนเหมือนกับกดเปิดปากกาทั่วไปเลย กดปุ๊บก็จะมีไฟบอกสถานะบ่งบอกอยู่ไฟสีเขียวแปลว่าเปิด ไฟสีแดงแปลว่าปิด เท่านั้นก็สามารถเขียนได้เลย สามารถรองรับการใช้ได้ทั้ง iPad, iPhone และ Android โดยมีราคาอยู่ที่ 1,790 บาท

ADONIT SNAP 2

ADONIT SNAP 2

ADONIT SNAP 2

ให้คุณใช้ชีวิตได้สนุกกว่าเดิมด้วยสไตลัส ADONIT SNAP 2 ออกแบบมาเพื่อคนวัยมัน คนมีไฟ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลา ด้วยบอดี้ที่ทำมาจากอลูมิเนียมจึงทำให้มีน้ำหนักเบาพกพาสะดวก ตัวด้ามจับเป็นแถบแม่เหล็กที่สามารถติดไว้กับตัวโทรศัพท์ได้อย่างแนบสนิทไม่ต้องกลัวหลุด พร้อมสไตลัสหัวเล็กที่ปลายปากกาเป็นแบบ PixelPoint ขนาด 1.9 มม.ไม่ว่าจะวาดภาพ, เขียนหรือจะโน๊ต ฯลฯ ก็ทำได้หมด รวมไปถึงรุ่นนี้นอกจากจะเป็นปากกาแล้วก็ยังเป็นชัตเตอร์กล้องได้อีกด้วยรองรับการเชื่อมต่อกับบลูทูธ พร้อมแบตเตอรี่ในตัวซึ่งสามารถทำงานได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งรองรับการทำงานกับ iPhone 6 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า โดยมีราคาอยู่ที่ 1,690 บาท

ADONIT MINI 4

ADONIT MINI 4

ADONIT MINI 4

เป็นสไตลัสที่มาพร้อมหัวที่เป็นจานพลาสติกกลม Precision Disc ที่จะช่วยให้เขียนได้อย่างแม่นยำสูง ด้ามผลิตด้วยโลหะมีขนาด 8.5 มม.จับได้ถนัดมือ รวมถึงปลายด้ามออกแบบให้เป็นคลิปไว้เหน็บกระเป๋าเสื้อ หรือกระเป๋ากางเกงได้ ตัวด้ามถูกออกแบบดีไซน์มาให้สามารถหมุนแยกเพื่อเอาหัวหมุนเก็บได้ นอกจากนั้นรุ่นนี้ไม่มีแบตเตอรี่ ไม่จำเป็นต้องชาร์จให้เสียเวลา ไม่ต้องกดปุ่มเปิด-ปิดการทำงานก็สามารถทำงานได้เลย พร้อมรองรับการใช้งานได้กับอุปกรณ์แบบทัชสกรีนทุกชนิดไม่ว่าจะ iPhone หรือ Android รุ่นเก่ารุ่นใหม่ก็ใช้ได้ โดยมีราคาอยู่ที่ 890 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถไปซื้อกันได้ที่ Studio 7 ทั่วประเทศ

Tagged under: